เนื่องด้วยช่วงเดือนที่ผ่านมาได้ไปเป็นผู้สังเกตการณ์โตเกียวมาราธอนปี
2019 ประจวบเหมาะกับที่ร้านสตาร์บัคส์เพิ่งเปิดสาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่โตเกียวพอดี
เลยได้มีโอกาสแวบไปเชยชมกันสักนิดหน่อย
โดยมีเพื่อนแนะนำมาจากเวปไซด์ของต่างประเทศที่บอกพิกัดมา
เราก็ตามไประหว่างที่คุณแฟนไปวิ่งมาราธอนอยู่
พิกัดร้านคือ 153-0042 2-19-23
Aobadai, Meguro-ku, Tokyoซึ่งก็พอใส่ลงใน
google map ก็ได้พอดี โดยขึ้นจากรถไปใต้ดินสถานี Shinjuku-sanchome โดยรถไฟสาย Fikutoshin line ต่อ Tokyo-Toyoko
line (สายเดิมนั่นแหละไม่ต้องลงสถานีไหน แค่เรียกกันคนละชื่อ
ตอนแรกก็งงเหมือนกัน) ไปลงสถานี Naka-Meguro ใช้เวลาประมาณ 13
นาทีก็ถึงสถานีนี้ จากนั้นก็เดินออกไปทาง Central exit
ร้านสตาร์บัคฝั่งตรงข้ามสถานี |
ก็จะเจอกับร้านสตาร์บัคร้านใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามกับสถานี
อย่าเพิ่งดีใจนะครับ อันนี้ไม่ใช่ร้านที่จะไปแต่ดูใหญ่เหมือนกัน
ให้เดินต่อไปทางซ้าย เปิด google map เดินตามไปเลยอีกประมาณ 800
เมตร ระหว่างทางก็คอยสังเกตว่าเอ๊ะร้านอยู่ไหน เพราะถ้าสังเกตใน google
map จะเห็นว่ามีแต่ร้าน Don Quijote แต่ไม่เห็นมีเขียนเลยว่า
Starbucks ให้เดินเลยร้านดองกี้และร้านเช่ารถไปแล้วเข้าซอยทางขวามือ หรือไม่อย่างนั้นก็เดินย้อนกลับมาให้เจอซอยแล้วเดินเข้าซอยไป ร้านสตาร์บัคส์จะอยู่ข้างหลังร้านดองกี้
ห้างดองกี้ |
ร้านดองกี้ร้านนี้ใหญ่เกือบเท่า Mega Don Quijote ที่ Shibuya เลยนะครับ ดองกี้สาขานี้เวลาขึ้นบันไดเป็นเสียงเปียโนไล่เสียงด้วยนะครับก็แปลกดี
เดินเลยร้านดองกี็ไปจะเจอร้านเช่ารถของโตโยต้า เดินเลยไปจะเจอทางเลี้ยวขวา เจอฝูงชนล้นหลามมากมายท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมา ร้านสตาร์บัคจะอยู่ทางขวามือ แต่ยังเข้าไม่ได้ ต้องไปรับบัตรคิวก่อ ซึ่งในที่สุดก็ได้คิวมาซึ่งเป็นคิงที่...แม่เจ้าคิวที่
3864 คืออะไร
นี่เพิ่งสิบเอ็ดโมง ได้คิวสามพันกว่า แต่ก็ไหนๆก็ไหนๆ มาแล้วก็รอแหละนะ
เค้าแนะนำให้สแกน
QR code แล้วลงทะเบียนผ่านอีเมล์จะได้รู้ว่าถึงคิวที่เท่าไหร่แล้ว แล้วมีเตือนมาพอสแกนปั๊บ ก็รู้ชะตาชีวิตเลยว่ารอนานแน่นอน อีก 231 คิว เอาไงดีละทีนี้ จะไปอยู่ไหนดีแถวนี้ ฝนก็ตก สุดท้ายก็เลยไปแวะร้านราเมง กินข้าวเที่ยงฆ่าเวลาก็สั่งราเมงชุดเที่ยงมา ร้านแถวนั้นก็ดูน่ารักดี ร้านนนี้ต้องเดินย้อนกลับมาทางดองกี้หน่อยนึง ไม่ได้ไกลมาก อาหารอร่อยใช้ได้ ก็กินอยู่พักนึง นั่งอยู่เกือบ 40 นาทีก็รู้สึกว่าคนอื่นๆเค้าก็เข้าๆออกเปลี่ยนใหม่ละ แต่เรายังนั่งแช่อยู่ก็แอบเกรงใจ ก็เลยจ่ายตังแล้วออกมา ก็แวะเข้าดองกี้อีก จนเวลาเที่ยงครึ่งก็เห็นละว่าคิวเหลือน้อยก็เลยเดินกลับไปที่รอคิว ก็ต้องรอเค้าเรียกต่อคิวอีกพักนึง แล้วถึงเรียกเข้าไป ก็เข้าไปพร้อมๆกันทีละประมาณ 50 คนอันนี้ต่อคิวก่อนเข้าแล้วก็เดินเข้าไปพร้อมกันพอเข้าไปข้างใน คนเยอะมากกกกกก แทบเดินชนกันของขายก็เยอะเช่นกัน
อันนี้ถ่ายมาบางส่วนอันนี้เครื่องคั่วกาแฟ คั่วกันให้เห็นกันชัดๆ เสร็จแล้วก็เคลื่อนย้ายผ่านหลอดพวกนี้ไปอันนี้เบเกอรี่ทำเองของสตาร์บัคส์ มีกระจกกั้นอยู่จากนั้นก็ถึงเวลาสั่งกาแฟ คิวยาวจริงๆ เมนูกาแฟ มีให้เลือกเยอะมาก เลือกไม่ถูก ไม่รู้ต่างกันยังไง(ปกติไม่ใช่คอกาแฟ)คิวรอสั่งกาแฟ เคาเตอร์สั่งกาแฟอยู่ตรงขวามือไกลๆก็เลือก Today Starbucks reserve coffee มาอันนึง Colombia Pedregal. Shot
ราคา 710 เยน นึกว่าจบ แล้วเค้าก็ให้เลือกวิธีชงเสียค่าชงอีก หืม!!! เพิ่งเคยเข้าร้านกาแฟแล้วต้องเสียค่าชง คืออะไร แต่ก็นะ มาถึงจุดนี้ point of no return ก็ต้องเลือกล่ะ วิธีชงแต่ละอย่างก็ใช่ว่าจะรู้จัก เคยได้ยินคุ้นๆหูอยู่แค่อันเดียว French press เลือกอันนี้ละกัน 766 เยน ไม่เอาเบเกอรี่อ่ะอย่าถามว่าอ่านว่าอะไรนะครับ อ่านไม่ออกจ่ายตัง ก็รูดกรุงไทยทราเวลการ์ดไป สบายใจได้เหมือนเป็นบัตรคิวอิเลคทรอนิคมา ถ้าถึงคิวจะดัง ให้เราเดินไปรับของได้ ก็เลยเดินเล่นไปก่อน เล็งหาที่นั่ง ปรากฏว่าไม่มีอันนี้ทางขึ้นชั้นสอง แก้วเยอะมากชั้นสองเป็นพวกชากับเบเกอรี่ ที่นั่งก็เยอะพอสมควร แต่คนเยอะกว่ามากมีขายของด้วย
ตอนเดินขึ้นชั้นสามตรงผนังมีเหมือนป้ายบอกกาแฟพันธ์ต่างๆเต็มผนัง เยอะมาก หาไอ้ที่สั่งไปไม่เจอ ก็ไม่หาละ เยอะลายตาเกินชั้นสามมีคอกเทลเล้าจน์ ก็เดินผ่าน ไม่ได้ลองไปครั้งเดียวคนเดียว สั่งไม่ครบนะครับชั้นสี่เป็นเหมือนโชว์เครื่องจักของโรงคั่ว ป้ายกาแฟที่ชั้นสี่ สักพักใหญ่ๆเสียงบัตรคิวก็ดัง ก็เดินไปรับกาแฟที่ชั้น 1ด้านซ้ายบนของรูปคือบัตรคิว RF นะครับอ่อ French press หน้าตางี้ ได้มาพร้อมแก้วเปล่าแก้วนึง แล้วกินไงล่ะ กินแบบธรรมดาได้ไหม หรือต้องมีพิธีรีตองอะไรอีก ไม่รู้อ่ะ ก็เลยโทรไลน์ไปถามเพื่อนที่เป็นคอกาแฟ“เฮ้ย French press นี่กินไงฟะ เห็นเค้ากดแล้วสูบขึ้นมาแล้วก็ยื่นมาให้”“อ่อ เทกินได้เลย ไม่ต้องมีพิธีอะไร แต่ French press มันแรงนะ เคยกินทีแก้วนึงใจสั่นจนอ้วกเลย”“เฮ่ย จริงดิ วิธีชงมันเหมือนน้ำล้างเม็ดกาแฟเลยนะ แรงขนาดนั้นเลยเหรอ”
ต้องยอมรับว่ากาแฟอันนี้ ไม่เปรี้ยวเลยครับ
ไม่ขมด้วย
ด้วยความที่ไม่รู้อะไรผมคิดอย่างนั้นจริงๆโดยไม่รู้ว่าเดี๋ยวอีกสักพัก
ก็เป็นอย่างเพื่อนว่าจริงๆ เพราะว่าผมมาคนเดียว กาแฟแก้วสีทองแดงนี้
กินคนเดียวจนหมดครับ สักพัก ได้เรื่อง ใจสั่นจริงๆ รัวเลย ใม่ไหวละ
หาอะไรกินดีกว่า
ก็ไปจบที่เบเกอรี่ครับจัดไป ลาซานย่าร้อนๆชิ้นนึง ไม่ได้สั่งเบเกอรี่ ขออะไรๆที่หนักท้องหน่อยแล้วกัน แล้วก็นั่งพักนึง กินน้ำ เข้าห้องน้ำไปฉี่ ได้เวลาแล้วก็ออกไปเชียร์มาราธอนต่อ ปล.จริงๆสถานทีจริงมีรายละเอียดเยอะกว่านี้มากนะครับ
แต่ด้วยเวลาไม่อำนวยจึงถ่ายมาได้แค่นี้ครับ
QR code แล้วลงทะเบียนผ่านอีเมล์จะได้รู้ว่าถึงคิวที่เท่าไหร่แล้ว แล้วมีเตือนมาพอสแกนปั๊บ ก็รู้ชะตาชีวิตเลยว่ารอนานแน่นอน อีก 231 คิว เอาไงดีละทีนี้ จะไปอยู่ไหนดีแถวนี้ ฝนก็ตก สุดท้ายก็เลยไปแวะร้านราเมง กินข้าวเที่ยงฆ่าเวลาก็สั่งราเมงชุดเที่ยงมา ร้านแถวนั้นก็ดูน่ารักดี ร้านนนี้ต้องเดินย้อนกลับมาทางดองกี้หน่อยนึง ไม่ได้ไกลมาก อาหารอร่อยใช้ได้ ก็กินอยู่พักนึง นั่งอยู่เกือบ 40 นาทีก็รู้สึกว่าคนอื่นๆเค้าก็เข้าๆออกเปลี่ยนใหม่ละ แต่เรายังนั่งแช่อยู่ก็แอบเกรงใจ ก็เลยจ่ายตังแล้วออกมา ก็แวะเข้าดองกี้อีก จนเวลาเที่ยงครึ่งก็เห็นละว่าคิวเหลือน้อยก็เลยเดินกลับไปที่รอคิว ก็ต้องรอเค้าเรียกต่อคิวอีกพักนึง แล้วถึงเรียกเข้าไป ก็เข้าไปพร้อมๆกันทีละประมาณ 50 คนอันนี้ต่อคิวก่อนเข้าแล้วก็เดินเข้าไปพร้อมกันพอเข้าไปข้างใน คนเยอะมากกกกกก แทบเดินชนกันของขายก็เยอะเช่นกัน
อันนี้ถ่ายมาบางส่วนอันนี้เครื่องคั่วกาแฟ คั่วกันให้เห็นกันชัดๆ เสร็จแล้วก็เคลื่อนย้ายผ่านหลอดพวกนี้ไปอันนี้เบเกอรี่ทำเองของสตาร์บัคส์ มีกระจกกั้นอยู่จากนั้นก็ถึงเวลาสั่งกาแฟ คิวยาวจริงๆ เมนูกาแฟ มีให้เลือกเยอะมาก เลือกไม่ถูก ไม่รู้ต่างกันยังไง(ปกติไม่ใช่คอกาแฟ)คิวรอสั่งกาแฟ เคาเตอร์สั่งกาแฟอยู่ตรงขวามือไกลๆก็เลือก Today Starbucks reserve coffee มาอันนึง Colombia Pedregal. Shot
ราคา 710 เยน นึกว่าจบ แล้วเค้าก็ให้เลือกวิธีชงเสียค่าชงอีก หืม!!! เพิ่งเคยเข้าร้านกาแฟแล้วต้องเสียค่าชง คืออะไร แต่ก็นะ มาถึงจุดนี้ point of no return ก็ต้องเลือกล่ะ วิธีชงแต่ละอย่างก็ใช่ว่าจะรู้จัก เคยได้ยินคุ้นๆหูอยู่แค่อันเดียว French press เลือกอันนี้ละกัน 766 เยน ไม่เอาเบเกอรี่อ่ะอย่าถามว่าอ่านว่าอะไรนะครับ อ่านไม่ออกจ่ายตัง ก็รูดกรุงไทยทราเวลการ์ดไป สบายใจได้เหมือนเป็นบัตรคิวอิเลคทรอนิคมา ถ้าถึงคิวจะดัง ให้เราเดินไปรับของได้ ก็เลยเดินเล่นไปก่อน เล็งหาที่นั่ง ปรากฏว่าไม่มีอันนี้ทางขึ้นชั้นสอง แก้วเยอะมากชั้นสองเป็นพวกชากับเบเกอรี่ ที่นั่งก็เยอะพอสมควร แต่คนเยอะกว่ามากมีขายของด้วย
ตอนเดินขึ้นชั้นสามตรงผนังมีเหมือนป้ายบอกกาแฟพันธ์ต่างๆเต็มผนัง เยอะมาก หาไอ้ที่สั่งไปไม่เจอ ก็ไม่หาละ เยอะลายตาเกินชั้นสามมีคอกเทลเล้าจน์ ก็เดินผ่าน ไม่ได้ลองไปครั้งเดียวคนเดียว สั่งไม่ครบนะครับชั้นสี่เป็นเหมือนโชว์เครื่องจักของโรงคั่ว ป้ายกาแฟที่ชั้นสี่ สักพักใหญ่ๆเสียงบัตรคิวก็ดัง ก็เดินไปรับกาแฟที่ชั้น 1ด้านซ้ายบนของรูปคือบัตรคิว RF นะครับอ่อ French press หน้าตางี้ ได้มาพร้อมแก้วเปล่าแก้วนึง แล้วกินไงล่ะ กินแบบธรรมดาได้ไหม หรือต้องมีพิธีรีตองอะไรอีก ไม่รู้อ่ะ ก็เลยโทรไลน์ไปถามเพื่อนที่เป็นคอกาแฟ“เฮ้ย French press นี่กินไงฟะ เห็นเค้ากดแล้วสูบขึ้นมาแล้วก็ยื่นมาให้”“อ่อ เทกินได้เลย ไม่ต้องมีพิธีอะไร แต่ French press มันแรงนะ เคยกินทีแก้วนึงใจสั่นจนอ้วกเลย”“เฮ่ย จริงดิ วิธีชงมันเหมือนน้ำล้างเม็ดกาแฟเลยนะ แรงขนาดนั้นเลยเหรอ”
ก็ไปจบที่เบเกอรี่ครับจัดไป ลาซานย่าร้อนๆชิ้นนึง ไม่ได้สั่งเบเกอรี่ ขออะไรๆที่หนักท้องหน่อยแล้วกัน แล้วก็นั่งพักนึง กินน้ำ เข้าห้องน้ำไปฉี่ ได้เวลาแล้วก็ออกไปเชียร์มาราธอนต่อ
No comments:
Post a Comment