Wednesday, January 30, 2019

เทคโนโลยีหรือชนิดของเครื่องฟอกอากาศมีอะไรบ้าง

เทคโนโลยีหรือชนิดของเครื่องฟอกอากาศมีอะไรบ้าง

จะเห็นได้ว่าเวลาอ่านรีวิว หรือดูรีวิวสินค้าจะเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศหรือว่าเครื่องฟอกอากาศล้วนมีเทคโนโลยีการฟอกหรือใส้กรองอากาศหลายชนิดหลายแบบ แล้วแบบไหนเป็นอย่างไรเรามาดูกัน

1.      HEPA filter: High efficiency particulate air filter เครื่องฟอกอากาศส่วนใหญ่จะใช้แบบนี้ เป็นเทคโนโลยีการฟอกอากาศโดยการกรองอนุภาคออกผ่านตาข่ายที่มีความละเอียดสูง บวกกับซึ่งสามารถกรองอนุภาคขนาด 0.3 ไมโครเมตร หรือที่เราจะได้ยินบ่อยๆว่าไมครอนได้ถึง 99.97% ซึ่งกรองได้ทั้ง ไวรัส รา แบคทีเรีย ฝุ่นควัน และละอองเกสรต่างๆ  เรียกได้ว่ากรองอนุภาคที่สกปรกส่วนใหญ่ได้ดี ตัวกรองชนิดนี้ใช้ได้ทั้งในภาคครัวเรือนและโรงพยาบาล หรือโรงงานด้วย ข้อดีอีกอย่างนึงของ HEPA filter คือไม่ก่อให้เกิดก๊าซโอโซน ซึ่งเป็นก๊าซพิษ หรือมลภาวะอย่างอื่น หลักการการทำงานของHEPA filter คือ การที่ให้อากาศผ่านตัวกรองนี้ในห้องที่เป็นห้องปิด ยิ่งอากาศผ่านมากเท่าไหร่ อากาศก็ยิ่งสะอาดมากขึ้นเท่านั้น โดยปกติตัวกรองชนิดนี้มีอายุการใช้งานนานตั้งแต่ 2 ปีถึง 4 ปี แต่ข้อจำกัดของ HEPA filter นั้นคือไม่สามารถกรองกลิ่นหรือสารเคมีต่างๆได้ โดยเฉพาะพวกสารฟอร์มัลดีไฮด์ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้

2.    Activated Carbon: แอคทิเวเต็ด คาร์บอน หรือถ่านกัมมันต์ เป็นตัวกรองที่ทำจากถ่านผ่านกระบวนการทำให้มีรูจำนวนมากเพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวสัมผัสในการดูดซับสารเคมีและก๊าซพิษต่างๆที่เป็นอันตราย รวมทั้งกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ด้วย แต่ตัวถ่านกัมมันต์เองก็มีข้อจำกัดในการกรองอนุภาคเล็กๆได้ไม่ดีนักจึงไม่เหมาะกับการกรองฝุ่น แต่เหมาะกับการดักจับสารเคมีและกลิ่น


3.      UV : แสงยูวีหรือแสงอัลตราไวโอเลต เด่นในด้านการฆ่าเชื้อโรคเช่น แบคทีเรียหรือไวรัสโดยเมื่อเชื้อโรคผ่านแสงยูวีจากหลอดไฟยูวี ทำให้ตัวเซลล์ตายหรือแตก แสงยูวีนั้นค่อนข้างมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคได้ค่อนข้างดี แต่แสงยูวีเองก็ทำให้น้ำและออกซิเจนในอากาศกลายเป็นก๊าซโอโซนซึ่งเป็นมลพิษ โดยปกติเครื่องฟอกอากาศชนิดนี้มักจะต้องควบคุมการผลิตโอโซนให้ออกมาอยู่ในระดับต่ำเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แม้ว่าเครื่องฟอกชนิดนี้จะใช้ได้ดีในการกำจัดแบคทีเรียและไวรัส แต่ว่าก็อาจมีเชื้อโรคที่เล็ดลอดออกมาได้ จึงมักต้องใช้ร่วมกับการฟอกแบบอื่นเช่น HEPA filter และถ่านกัมมันต์เป็นต้น




4.      Negative Ion เครื่องฟอกอากาศแบบใช้ประจุไฟฟ้า เป็นการปล่อยกระแสไฟฟ้าที่เป็นประจุลบออกไปในอากาศเพื่อจับกับฝุ่นละอองและอนุภาคที่ลอยอยู่ในอากาศ หลังจากที่ประจุลบจับกับอนุภาคที่ลอยอยู่ในอากาศแล้ว อนุภาคพวกนี้จะมีน้ำหนักมากขึ้นจนตกลงมาที่พื้น ดังนั้นการฟอกอากาศโดยใช้วิธีนี้ มักต้องทำร่วมกับการดูดฝุ่น เนื่องจากจริงๆแล้วอนุภาคที่ตกลงมา ยังอยู่ที่พื้นหรือผนังดังนั้นจึงต้องมีการทำความสะอาดหรือกำจัดอีกทอดหนึ่ง
5.      Ozone เครื่องฟอกอากาศที่ผลิตก๊าซโอโซนเพื่อฆ่าเชื้อโรค ซึ่งมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค และทำลายสารเคมีบางชนิดได้ดี แต่เนื่องจากโอโซนเองเป็นอันตรายต่อมนุษย์ เครื่องฟอกอากาศชนิดนี้จึงไม่เป็นที่นิยม

No comments:

Post a Comment

บุหรี่ไฟฟ้า นวัตกรรมสำหรับคนรุ่นใหม่(หรือ?)

บุหรี่ไฟฟ้า นวัตกรรมสำหรับคนรุ่นใหม่(หรือ?)             เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา จะสังเกตว่าบ้านเราเริ่มมีการนำเอาบุหรี่ไฟฟ้...